ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ปี60 สรุปโดยย่อ อันไหนควรไม่ควรครับ

สิงหาคม 30, 2560


เตือนความจำกันสักหน่อย เพื่อการใช้ออนไลน์อย่างถูกกฎหมาย สำหรับสาระสำคัญที่หลายคนควรพึงระวังใน พ.ร.บ.ว่าด้วยกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับ 2มีสาระสำคัญจำง่ายๆ ดังนี้
1. การฝากร้านใน Facebook, IG ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
2. ส่ง SMS โฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ให้ผู้รับสามารถปฏิเสธข้อมูลนั้นได้ ไม่เช่นนั้นถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
3. ส่ง Email ขายของ ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
4. กด Like ได้ไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ยกเว้นการกดไลค์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน เสี่ยงเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 หรือมีความผิดร่วม
5. กด Share ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่แชร์มีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ฯ โดยเฉพาะที่กระทบต่อบุคคลที่ 3
6. พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเรา แต่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าของคอมพิวเตอร์กระทำเอง สามารถแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ หากแจ้งแล้วลบข้อมูลออกเจ้าของก็จะไม่มีความผิดตามกฎหมาย เช่น ความเห็นในเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมไปถึงเฟซบุ๊ก ที่ให้แสดงความคิดเห็น หากพบว่าการแสดงความเห็นผิดกฎหมาย เมื่อแจ้งไปที่หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อลบได้ทันที เจ้าของระบบเว็บไซต์จะไม่มีความผิด
7.สำหรับ แอดมินเพจ ที่เปิดให้มีการแสดงความเห็น เมื่อพบข้อความที่ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ เมื่อลบออกจากพื้นที่ที่ตนดูแลแล้ว จะถือเป็นผู้พ้นผิด
8. ไม่โพสต์สิ่งลามกอนาจาร ที่ทำให้เกิดการเผยแพร่สู่ประชาชนได้
9. การโพสเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน ต้องปิดบังใบหน้า ยกเว้นเมื่อเป็นการเชิดชู ชื่นชม อย่างให้เกียรติ
10. การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ต้องไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียเชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ญาติสามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย
11. การโพสต์ด่าว่าผู้อื่น มีกฏหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีข้อมูลจริง หรือถูกตัดต่อ ผู้ถูกกล่าวหา เอาผิดผู้โพสต์ได้ และมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
12. ไม่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ผู้ใด ไม่ว่าข้อความ เพลง รูปภาพ หรือวิดีโอ
13. ส่งรูปภาพแชร์ของผู้อื่น เช่น สวัสดี อวยพร ไม่ผิด ถ้าไม่เอาภาพไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หารายได้
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งยังมีอีกหลายประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ ดังนั้นจึงควรรู้กฎกติกาการใช้งานไว้ก่อน ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เราเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายได้สามารถคลิกดาวน์โหลดและอ่านฉบับเต็มได้ ที่นี่
  • การทำลาย แก้ไข ไม่่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนของข้อมูลคอมพิวเตอร์ผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท (มาตรา 9)
  • การระงับ ชะลอ ขัดขวาง รบกวนระบบของผู้อื่นจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ โทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท (มาตรา 10)
  • การโพสต์ข้อมูลที่บิดเบือน หรือปลอม จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
  • การโพสต์ข้อมูลเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ หรือทำให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
  • การโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร – การก่อการร้าย จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
  • การกด Like ทำได้ไม่ผิด พ.ร.บ. คอมพ์ยกเว้นการกด Like ข้อมูลที่มีฐานความผิดดังที่กล่าวมาข้างต้น
  • การกด Share ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่แชร์มีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ โดยเฉพาะที่กระทบต่อบุคคลที่ 3
  • ผู้ดูแลระบบ หรือแอดมินเพจที่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น เมื่อพบเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย ถ้าได้รับการแจ้งเตือนแล้วลบออกไม่ต้องรับโทษ แต่ถ้าไม่ยอมลบออก โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
  • ผู้ให้บริการเว็บไซต์ต้องขยายเวลาการเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) เอาไว้ไม่น้อยกว่า 90 วัน และกรณีที่จำเป็น อาจสั่งให้ขยายเป็น 2 ปี สาเหตุที่ขยายเวลาเนื่องจากเทคโนโลยีมีความเปลี่ยนแปลง รูปแบบการกระทำความผิดจึงอาจซับซ้อนมากขึ้น
  • การแก้ไขเปลี่ยนแปลงทำให้ระบบทำงานไม่ปกติ ทำให้บาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
  • การโพสต์ภาพลามกและสามารถแชร์สู่ประชาชนคนอื่นได้ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
  • การโพสต์ภาพของผู้อื่นที่เกิดจากการสร้าง ตัดต่อ หรือดัดแปลง ที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
  • การโพสต์ภาพผู้เสียชีวิต หากเป็นการโพสต์ที่ทำให้บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
โดยในจุดที่เรานำมาฝากกันอาจเป็นพฤติกรรมการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับ Social Media เป็นสำคัญ แต่ใน พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวยังมีโทษเกี่ยวกับการโจมตีระบบโดยใช้มัลแวร์ หรือการเจาะระบบผู้อื่นโดยมิชอบอยู่ด้วย 

เรื่องระบบปฏิบัติการ

สิงหาคม 30, 2560

ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่อง เพื่อให้ใช้คอมพิวเตอร์นั้นง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น โปรแกรม DOX, UNIX หรือ Windows เป็นต้น การมีซอร์ฟแวร์ระบบหรือโปรแกรมระบบปฏิบัติการนี้ทำให้สามารถเพิ่มโปรแกรมลงไปในคอมพิวเตอร์ได้ง่ายอีกด้วย เมื่อคอมพิวเตอร์เริ่มทำงาน ซอร์ฟแวร์ระบบนี้จะถูกโหลด (load) ขึ้นมาทำงานเป็นลำดับแรก
2.1 ระบบปฏิบัติการคืออะไร
ระบบปฏิบัติการ คือ โปรแกรมที่ถูกสร้างโดยซอร์ฟแวร์หรือเฟิร์มแวร์ (firmware คือ โปรแกรมที่ประกอบด้วยไมโคโค้ดโปรแกรม ซึ่งเก็บอยู่ในหน่วยความจำ ROM และ PROM ) หรือทังซอร์ฟแวร์ และเฟิร์มแวร์ เพื่อให้ฮาร์ดแวร์สามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบและมีความถูกต้องแม่นยำ
ความสำคัญของระบบปฏิบัติดาร
ถ้ามีรถยนต์อยู่แต่ขับไม่เป็น รถยนต์คันดังกล่าวก็จะไม่มีประโยชน์เลย คอมพิวเตอร์ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพมากเพียงใดก็ตาม ถ้าหากเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าว ไม่มีระบบปฏิบัติการคอยควบคุมการทำงานซึ่งเปรียบได้กับรถยนต์ที่ไม่มีคนขับ เครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวก็จะไม่มีประโยชน์เลย ดังนั้นระบบปฏิบัติการจึงมีความสำคัญเปรียบเสมือนกับคนขับรถยนต์ที่ต้องควบคุมรถให้เดินทางถึงที่หมายอย่างถูกต้องและปลอดภัย ระบบปฏิบัติการก็จะต้องควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ให้ทำงานตามที่ต้องการเพื่อให้ไดเผลลัพธ์ที่ถูกต้อง
          ในปัจจุบันระบบปฏิบัติการไม่ได้นำมาใช้งานกับคอมพิวเตอร์เท่านั้น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ต่างๆ เช่นโทรศัพท์เคลื่อนที่ เครื่องเล่นเกมหรือแม้กระทั่งเครื่องซักผ้า ก็มีระบบปฏิบัติการในการควบคุมการทำงานต่างๆ เช่นกัน แต่จะเป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบสำหรับอุปกรณ์นั้นๆ โดยเฉพาะ
2.2 หน้าที่ของระบบปฏิบัติการ
          หน้าที่ของระบบปฏิบัติการแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
          หน้าที่หลัก คือ จัดการทรัพยากรต่างๆ ภายในระบบ ได้แก่ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ อุปกรณ์ อินพุต-เอาต์พุต อุปกรณ์สื่อสาร และข้อมูล
          หน้าที่รอง ประกอบด้วย
          1. เป็นตัวกลางระหว่างฮาร์ดแวร์กับผู้ใช้ (user interface) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการทำงาน ของฮาร์ดแวร์ได้ ซึ่งการติดต่อระหว่างฮาร์ดแวร์กับผู้ใช้อาจอยู่ในรูปของตัวอักษรหรือรูปภาพ (Graphic User Interface: GUI) ดังรูป




ลักษณะการทำงานของ OS ในการเป็นตัวกลางระหว่างฮาร์ดแวร์กับผู้ใช้
1.  ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ฮาร์ดแวร์ร่วมกันได้ ในองค์กรส่วนใหญ่จะมีผู้ใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า 1 คน ขึ้นไป และจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์บางอย่างร่วมกัน เช่น เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์เก็บข้อมูล เป็นต้น
2.  ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ข้อมูลร่วมกัน ระบบปฏิบัติการอนุญาตให้ผู้ใช้แต่ละคนมีสิทธิในข้อมูลนั้นๆ และช่วยจัดคิวของผู้ใช้ในการเข้าถึงข้อมูล เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้องแม่นยำ
3.  แก้ไขปัญหาการทำงานของระบบ ในการทำงานของคอมพิวเตอร์บางครั้งอาจเกิดความผิดพลาดในขณะที่ทำงานอยู่ ระบบปฏิบัติการจะทำการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อให้ระบบมีเสถียรภาพอยู่เสมอ
4.  ช่วยให้หน่วยอินพุต-เอาต์พุตทำงานได้คล่องตัว ในการติดต่อระหว่างคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อินพุตและเอาต์พุตต่างๆ ต้องอาศัยระบบปฏิบัติการเพื่อให้ระบบต่างๆ ทำงานได้ถูกต้องและสอดคล้องกัน
5.  คำนวณทรัพยากรที่ใช้ไป ในการใช้งานคอมพิวเตอร์นั้นเราต้องใช้ทรัพยากรต่างๆ ที่จำเป็นต่อระบบปฏิบัติการจะช่วยคำนวณทรัพยากรที่ใช้ไปแล้ว เพื่อให้ผู้ใช้ใช้ทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
6.  ช่วยให้ระบบทำงานเป็นแบบขนาน ระบบปฏิบัติการจะแบ่งการทำงานเป็นส่วนๆ เรียกว่า โปรเซส (Process)  ซึ่งจะทำให้การทำงานเสร็จเร็วยิ่งขึ้น
7.  จัดการโครงสร้างของข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อข้อมูลและมีการเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว
8.  ควบคุมการติดต่อสื่อสารในระบบเครือข่าย เนื่องจากในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะต้องมีการับส่งข้อมูลต่างๆ ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่ออยู่ในระบบ ซึ่งการติดต่อสื่อสารต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นต้องอาศัย ระบบปฏิบัติการในการควบคุมการทำงานให้เป็นไปอย่างถูกต้อง
2.3 หลักการทำงานของระบบปฏิบัติการ
         เนื่องจากการทำงานของระบบปฏิบัติการ คือ การจักการโปรแกรมต่างๆ ที่กำลังทำงานให้มีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโปรแกรมต่างๆ  ที่กำลังทำงานอยู่นั้น เรียกว่า โปรเซส (Process) ดังนั้นในการอธิบายหลักการทำงานของระบบปฏิบัติการ จะขอกล่าวถึงวิธีจัดการทำงานโปรเซสของระบบปฏิบัติการว่ามีกระบวนการอย่างไรบ้าง   เมื่อระบบปฏิบัติการสร้างโปรเซสขึ้นมา ก็จะมีการนำโปรเซสดังกล่าวเข้าสู่ระบบการทำงาน ดังแสดงในรูป ซึ่งขั้นตอนการทำงานจะแบ่งตามสถานะของโปรเซส ดังนี้

                          

            1) สถานะพร้อม (ready state) หมายถึง สถานะของโปรเซสใหม่ที่พร้อมจะเข้าใช้งาน CPU เมื่อ ระบบปฏิบัติการให้โปรเซสดังกล่าวเข้าใช้งานได้
2) สถานะทำงาน ( running state) หมายถึง สถานะของโปรเซสที่กำลังใช้ CPU ในการทำงานตามความต้องการของโปรเซสนั้น และเมื่อหมดเวลาในการเข้าใช้งาน CPU ที่ระบบปฏิบัติการกำหนดไว้โปรเซสดังกล่าวก็จะกลับมาอยู่ในสถานะพร้อมเพื่อรอใช้งาน CPU ในครั้งต่อไป
3) สถานะติดขัด ( blocked state) หมายถึง สถานะของโปรเซสที่หยุดหารทำงานเพื่อรอเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อโปรเซสที่กำลังทำงานอยู่ต้องมีการติดต่อกับอุปกรณ์อินพุต-เอาต์พุต โปรเซสที่อยู่ในสถานะทำงานก็จะเปลี่ยนมาเป็นโปรเซสที่อยู่ในสถานะติดขัด เพื่อเปิดโอกาสให้โปรเซสอื่นสามารถเข้าใช้งาน CPU ได้
4) สถานะแน่นิ่ง (deadlocked ) หมายถึง สถานะของโปรเซสที่หยุดการทำงานเพื่อรอเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งไม่มีวันจะเกิดขึ้น ซึ่งสถานะดังกล่าวนี้จะทำให้โปรแกรมที่ใช้อยู่หยุดค้างการทำงาน (hang) หรืออาจจะทำให้คอมพิวเตอร์หยุดค้างการทำงานได้เช่นกัน
2.4 ส่วนประกอบของระบบปฏิบัติการ
          ระบบปฏิบัติการประกอบด้วย 2 ส่วน
          เคอร์เนล (kernel)  หมายถึง ส่วนกลางของระบบปฏิบัติการ ซึ่งเป็นส่วนแรกที่ถูกเรียกมาใช้งาน และจะฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำหลักของระบบ ดังนั้น เคอร์เนลจึงต้องมีขนาดเล็ก โดยเคอร์เนลจะมีหนีที่ในการติดต่อและควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ และโปรแกรมใช้งาน (application programs)
          โปรแกรมระบบ (system programs ) คือ ส่วนของโปรแกรมการทำงานของระบบปฏิบัติการ ซึ่งมีหน้าที่ติดต่อกับผู้ใช้ และผู้จัดการระบบ ( system administrator)
2.5 คุณสมบัติของระบบปฏิบัติการ
             ระบบปฏิบัติโดยทั่วไปจะมีคุณสมบัติในการทำงานแบบต่างๆดังนี้
-             แบบหลายผู้ใช้(multi-user) หมายถึง ระบบปฏิบัติการที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปสามารถเลือกใช้งานโปรแกรมได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเมนเฟรมหรือมินิคอมพิวเตอร์
-        แบบมัลติโปรเซสซิ่ง (multiprocessimg) หมายถึง ระบบปฏิบัติการซึ่งสามารถใช้ CPU มากกว่า 1 ตัว ในการประมวลผล หรืออาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ระบบปฏิบัติการที่มีการประมวลผลแบบขนาน ( parallel processiog)
-             แบบมัลติทาสกิ้ง ( multitasking) หมายถึง ระบบปฏิบัติการที่อนุญาตให้ใช้งานโปรแกรมได้มากกว่า 1 โปรแกรมในเวลาเดียว โดยระบบปฏิบัติการแบบมัลติทาสกิ้งจะทำการแบ่งเวลาการใช้งาน CPU ของโปรแกรมแต่ละตัว ทำให้สามารถใช้งานโปรแกรมได้พร้อมกัน
-          แบบมัลติทรีดดิ้ง( multithreading) หมายถึง ระบบปฏิบัติการที่อนุญาตให้ส่วนต่างๆ ( thread ) ภายในโปรแกรมเดียวกันสามารถทำงานได้พร้อมกัน
-     แบบเวลาจริง ( real time ) หมายถึง ระบบปฏิบัติการที่ตอบสนองต่ออินพุตแบบทันทีทันใด จะเป็นระบบปฏิบัติการทีสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เฉพาะงาน
     ในบางครั้งความหมายของมัลติโปรเซสซึ่งก็อาจหมายถึง ระบบปฏิบัติการที่เป็นแบบมัลติทาสกิ้งก็ได้ แต่จะ
แตกต่างกันที่แบบมัลติทาสกิ้งจะเป็นการใช้งานโปรแกรมบนระบบที่มีซีพียูเพียงตัวเดียวเท่านั้น
2.6 ประเภทของระบบปฏิบัติการ
    ระบบปฏิบัติการที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ถูกนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ไปจนถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอขนาดพกพา แบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ
-         ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (Stand alone OS) นิยมใช้สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงานแบบทั่วไป เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ตามบ้านหรือสำนักงาน ซึ่งจะถูกติดตั้งระบบปฏิบัติการนี้ไว้รองรับการทำงานบางอย่าง เช่น พิมพ์งาน ดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้น
-        ระบบปฏิบัติการเครือข่าย ( Network OS หรือ NOS ) เป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกออกแบบมาสำหรับจัดการงานด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ และช่วยให้คอมพิวเตอร์ที่ต่ออยู่กับเครือข่ายใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ หรือเครื่องพิมพ์ร่วมกันได้
-        ระบบปฏิบัติการแบบฝัง (Embeded OS ) เป็นระบบปฏิบัติการที่พบเห็นได้กับอุปกรณ์พกพาขนาดเล็ก เช่น พีดีเอหรือสมาร์ทโฟน บางรุ่นสามารถช่วยในการทำงานแบบเคลื่อนที่ได้ เป็นระบบที่เกิดขึ้นมาหลังสุด บางรุ่นระบบมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว เช่น รองรับการทำงานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง
ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว ( Stand-alone OS )
DOS ( DiskOparating system)
          DOS เป็นระบบปฏิบัติการบนเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์พีซี ( Personal computer: PC) ของบริษัทไอบีเอ็ม ( IBM ) หรือเครื่องไอบีเอ็มคอมแพตติเบิ้ล ( IBM compatible PC ) ที่เคยเป็นที่นิยมใช้งานมากในอดีตหรือแม้แต่ในปัจจุบันก็ยังมีการใช้งานกันอยู่ ดอส เป็นระบบปฏิบัติการที่มีลักษณะการทำงานเป็นแบบงานเดียว ( Single Task ) หมายความว่าที่มีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานใดอยู่ จะต้องรอจนกว่างานนั้นเสร็จก่อนจึงจะสามารถใช้คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างอื่นต่อไป
          DOS เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางมากในหมู่ที่ใช้เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เป็นผลงานของบริษัทไมโครซอฟท์คอร์เปอร์เรชั่น( Microsoft corporation ) ความเป็นมาเริ่มจากที่บริษัทไอบีเอ็มได้สร้างไมโครคอมพิวเตอร์มีชื่อว่าพีซี และว่าจ้างบริษัทไมโครซอฟท์ให้ช่วยออกแบบระบบปฏิบัติการของเครื่องพีซีนี้ โดยใช้ชื่อว่าพีซีดอส ( PC – DOS ) เครื่องพีซีได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จนมีบริษัทอื่นๆ สร้างเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เลียนแบบเครื่องไอบีเอ็ม ซึ่งสามารถทำงานได้เหมือนกัน เป็นเครื่องแบบเดียวกัน
Windows
          Windows เป็นระบบปฏิบัติการที่สนับสนุนการทำงานแบบมัลติทาสกิ้ง ซึ่งต่างจากระบบปฏิบัติการDOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแบบงานเดี่ยว และผู้ใช้ต้องจดจำคำสั่งต่างๆ เป็นจำนวนมาก บริษัทไมโครซอฟท์จึงคิดค้นและพัฒนาโปรแกรมระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้และใช้รูปภาพแทนคำสั่งต่างๆ นั้นคือ ระบบปฏิบัติการ windows
          ในการที่จะใช้ windows นั้นเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องมีประสิทธิภาพสูง ด้วยเหตุผลนี้ จึงทำให้ในระยะแรก windowsจึงไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรอย่างไรก็ตามวงการคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นแต่ราคาถูกลง ด้วยเหตุนี้เอง windows จึงเป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกจับตามอง และในปี ค.ศ. 1990 บริษัทไมโครซอฟท์ได้พัฒนา windows 3.0 และได้รับความนิยมอย่างสูง ไมโครซอฟท์จึงพัฒนา windows 3.1 และ windows 3.11 ส่งผลให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์หลายคนหันมาใช้windows
 Mac OS X
       ในปี 1984 บริษัทแอปเปิ้ลได้วางจำหน่ายระบบปฏิบัติการ Mac OS สำหรับใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอช โดยมีการเชื่อมต่อกบผู้ใช้ผ่านทางรูปภาพทำให้ใช้งานง่าย ระบบนี้จะสนับสนุนการทำงานแบบมัลติทาสกิ้ง สำหรับรุ่นในปัจจุบัน คือ Mac OS X (อ่านว่า แมคโอเอสเท็น) ตัวนี้สามารถแสดงวีดีโอแบบ 3 มิติได้ สนับสนุนงานบนเครือข่ายและงานด้านมัลติมีเดียได้อย่างดี
ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย ( Network OS)
Windows server
          Windows server เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับภายในองค์กร จัดการด้านเครือข่าย และความปลอดภัยสูง ผลิตโดยบริษัทไมโครซอฟท์ รุ่นแรกที่มีชื่อว่า Windows NT จากนั้นได้พัฒนาคุณสมบัติต่างๆ เพิ่มขึ้นมีเสถียรภาพสูงขึ้น ปัจจุบันพัฒนามาถึงเวอร์ชั่น Windows Server 2012
Unix
          ยูนิกส์เป็นระบบปฏิบัติการที่อนุญาตให้มีผู้ใช้พร้อมๆ กันได้หลายคน จึงต้องมีวิธีป้องกันความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้แต่ละคน โดยผู้ใช้แต่ละคนจะมีพื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ส่วนตัวไว้ใช้งาน ซึ่งพื้นที่นี้เรียกว่า โฮมไดเรคทอรี (home directory) หรือไทเรกทอรีบ้าน ผู้ใช้มีสิทธิทุกประการ ในการอ่าน เขียน บนไทเรกทอรีบ้านของตนอย่างอิสระ ส่วนไดเรกทอรีบ้านของคนอื่นนั้น อยู่ที่ผู้ใช้คนอื่นจะยินยอมหรือไม่ ซึ่งผู้ใช้ทุกคนมีสิทธิใช้ทรัพยากรส่วนรวม โดยผู้บริหารระบบจะเป็นผู้จัดการการใช้สิทธิของผู้ใช้แต่ละคน การที่ผู้ใช้มีความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้จึงต้องมีรหัสผ่านเพื่อใช้เข้าใช้ระบบของตนเอง ยูนิกส์มีวิธีการในการเข้าสู่ระบบที่เรียกว่า การล็อกอิน (log in) โดยจะมีสิ่งที่เรียกว่า login prompt ให้เมื่อจะเข้าสู่ระบบ
Linux
          ลีนุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดยใช้แนวทางของระบบปฏิบัติการยูนิกซ์  ใช้โค้ดที่เขียนและเผยแพร่ในแบบ โอเพ่นซอร์ส (open source) ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับระบบเครือข่าย และเหมาะกับการทำงานเป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์ นอกจากนั้นยังมีการนำลีนุกซ์มาใช้ในด้านต่างๆ อีกหลายด้าน เพราะระบบปฏิบัติการลีนุกซ์เป็นระบบปฏิบัติที่สามารถนำมาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลซึ่งมีราคาถูกแต่ประสิทธิภาพสูงได้และในปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาลีนุกซ์ให้มีความเหมาะสมในการใช้งานแบบเดสก์ท็อปด้วย สำหรับประเทศไทยมีลีนุกซ์ที่พัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) โดยมีชื่อว่า Linux TLE Thai Language Extention)
Solaris
          Solaris หรือในชื่อเต็ม The solaris Operating Environment เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์แบบยูนิกซ์ ที่พัฒนาโดยบริษัทซัน ไมโครซิสเต็มส์ รองรับการทำงานด้านเครือข่ายที่ออกแบบสำหรับงานด้านโปรแกรม E-commerce
ระบบปฏิบัติการแบบฝัง (Embeded OS)
          ระบบปฏิบัติการแบบนี้จะพบเห็นการใช้งานในอุปการณ์คอมพิวเตอร์ขนาดพกพา ซึ่งจะแตกต่างจากระบบปฏิบัติการในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เพราะระบบปฏิบัติการนี้อยู่ภายใน Flash ROM ส่วนระบบปฏิบัติการในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจะเป็นตัวเดียวกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเดสก์ท๊อป
Windows Phone
          สิบปีที่แล้วบริษัทไมโครซอฟท์ออกแบบโปรแกรมระบบปฏิบัติการในคอมพิวเตอร์ขนาดมือถือ (Handheld Personal Computer: HPC) รวมถึงโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน ด้วยเพื่อแข่งจันทางการตลาดกับระบบปฏิบัติการ Plam OS แต่เนื่องจาก HPC มีทรัพยากรจำกัด คือ มีหน่วยความจำน้อย ซีพียูที่ไม่เร็วนัก มีจอขนาดเล็ก และไม่มีเมาส์ บริษัทไมโครซอร์ฟจึงตัดสินใจสร้างระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับ HPC โดยเฉพาะชื่อ Windows CE (Windows Consumer Electronics : WinCE) ซึ่งแกนหลักของ WinCE มีขนาดเพียง 1 เมกกะไบต์ ถูกนำไปใช้เป็นส่วนสำคัญของระบบปฏิบัติการหลายตัว และในเวอร์ชั่น 3 ขึ้นไป เปลี่ยนชื่อเป็น Windows PC 2000 และ Pocket PC 2002 หลังจากนั้นเปลี่ยนชื่อเป็น Windows Mobile และเปลี่ยนชื่อเป็น Windows Phone ในที่สุด
Symbian OS
          ระบบปฏิบัติการ Symbian เป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สาย (wireless) และเป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้ในงานกับโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นหลักโดยเฉพาะสมาร์ทโฟน ระบบ Symbian เกิดขึ้นและพัฒนาการมาจากการที่เป็นบริษัทที่เป็นผู้นำในการผลิตซอร์ฟแวร์ที่รองรับการสื่อสารแบบไร้สาย เริ่มต้นในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 1998 ซึ่งในขณะนั้นมีพันธมิตรร่วมกัน 4 รายใหญ่ คือ Ericsson, Nokia, Motorola, และ PSION ถัดมาในปี ค.ศ. 1999 Symbian ก็ได้พันธมิตรเพิ่มอีกคือ Panasonic และในปี 2000 ก็ได้มีการจับมือกับ Sony, Sanyo, Siemens
Blackberry
          ระบบปฏิบัติการนี้เป็นระบบปฏิบัติการที่คิดค้าและพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Research in Motion หรือ RIM ความสามารถหลักๆ คือรองรับการใช้งานองค์กร ในการรับส่งอีเมล์ในเชิงธุรกิจที่เน้นความปลอดภัยเป็นอย่างสูง แต่ระบบปฏิบัติการนี้จะสามารถใช้ได้เฉพาะกับเครื่องสมาร์ทโพนค่าย Blackberry เท่านั้น คุณสมบัติโดดเด่นคือ Blackberry Messenger หรือ BBM
 i0s
          ระบบปฏิบัติการนี้ใช้สำหรับสมาร์ทโฟนของบริษัทแอปเปิ้ล โดยเริ่มต้นพัฒนาสำหรับใช้ในโทรศัพท์ไอโพน และได้พัฒนาต่อใช้สำหรับ ไอพอดทัช และไอแพด และเป็นที่นิยมอย่างล้นหลาม คุณสมบัติโดดเด่นหลังที่เห็นได้ง่ายก็คือ เป็นระบบปฏิบัติการแบบ Single OS ที่ไม่ว่าจะเป็นไอโฟน ไอพอดทัช ไอแพด รุ่นไหนๆก็สามารถอัพเกรด ระบบปฏิบัติการใช้ได้เหมือนกันหมด แถมโดดเด่นด้วยแอพพลิเคชั่นเสริมมากมายมีให้เลือกดาวน์โหลดกัน ครบครันทุกความต้องการใช้งาน แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ระบบปฏิบัติการนี้ไม่สามารถที่จะเสริมเติมแต่งอะไรเข้าปเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่แอปเปิ้ลจัดสรรมาให้เท่านั้น
Android
          แอนดรอยด์ เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊ก ทำงานบนลีนุกซ์ เคอร์เนล เริ่มพัฒนาโดยบริษัทแอนดรอยด์ จากนั้นบริษัทแอนดรอยด์ถูกซื้อโดยกูเกิลและนำแอนดรอยด์ไปพัฒนาต่อทางกูเกิลได้เปิดฟรีแวร์ จึงทำให้ค่ายผู้ผลิตมือถือต่างๆสนใจนำระบบปฏิบัติการนี้ไปติดตั้งลงในเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนเอง เช่น Samsung, LG, HTC, Sony Ericsson, Motorola หรือแม้กระทั่งแบรนด์ไทยๆ อย่าง i-Mobile ด้วยความที่เป็นฟรีแวร์จึงทำให้ราคาค่างวดของโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์มีราคาไม่สูงมากนัก แต่มีการใช้งานที่ครบครัน และผู้ใช้สามารถเสริม เพิ่ม แต่ง ดัดแปลง รูปแบบการใช้งานได้ 




ระบบปฏฺบัติการมีไว้ทำลง ลองชมดูครับ



แบบทดสอบสารสนเทศ ออนไลน์

สิงหาคม 30, 2560

วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ
เรื่อง แบบทดสอบ จำนวน ... ข้อ
โดย อ.สมภพ จุลถาวรทรัพย์ วิทยาลัยเทคโนโลยีบัวใหญ่
คำสั่ง เลือก หรือ เติมคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

ข้อที่ 1)

ข้อใดคือความหมายของคอมพิวเตอร์
   ก.อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำงานได้ด้วยคำสั่งของมนุษย์
   ข.อุปกรณ์ที่สามารถคำนวณได้
   ค.ระบบงานโปรแกรมที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้
   ง.โปรแกรมสำหรับเล่นเกมได้

ข้อที่ 2)
จอภาพเป็นอุปกรณ์ประเภทใด
   ก.แสดงผลข้อมูล
   ข.สำรองข้อมูล
   ค.รับข้อมูล
   ง.ประมวลผลข้อมูล

ข้อที่ 3)
แป้นพิมพ์จัดเป็นอุปกรณ์ชนิดใด
   ก.แสดงผลข้อมูล
   ข.สำรองข้อมูล
   ค.รับข้อมูล
   ง.ประมวลผลข้อมูล

ข้อที่ 4)
หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์ที่เรียงลำดับขั้นตอนได้ถูกต้องคือข้อใด
   ก.กระบวนการประมวลผล การรับข้อมูล การแสดงผล
   ข.การรับข้อมูล การแสดงผล กระบวนการประมวลผล
   ค.การรับข้อมูล กระบวนการประมวลผล การแสดงผล
   ง.การแสดงผล การรับข้อมูล กระบวนการประมวลผล

ข้อที่ 5)
ปุ่มใดของแป้นพิมพ์มีหน้าที่ในการยกเลิกการทำงานของโปรแกรม
   ก.Esc
   ข.Del
   ค.Ctrl
   ง.Alt

ข้อที่ 6)
ข้อใดคือความหมายของปุ่ม Del บนแป้นพิมพ์
   ก.การพิมพ์แทรกตัวอักษร
   ข.การลบตัวอักษร ณ ตำแหน่งที่เคอร์เซอร์อยู่
   ค.การลบตัวอักษรที่อยู่ด้านซ้ายของเคอร์เซอร์
   ง.การเคาะวรรค 1 ครั้ง

ข้อที่ 7)
ข้อใดไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการพิมพ์เอกสาร
   ก.การพิมพ์ข้อความแปลเอกสารจำนวน 20 หน้า
   ข.การพิมพ์ข้อความเพียงเล็กน้อย
   ค.การพิมพ์วารสารแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว
   ง.การพิมพ์เอกสารราชการ จำนวน 6 หน้า

ข้อที่ 8)
หลังเลิกใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วควรกระทำสิ่งใด
   ก.ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างถูกวิธี แล้วใช้ผ้าคลุมป้องกันฝุ่นให้เรียบร้อย
   ข.เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้เพื่อเพิ่มความเร็วของการทำงาน
   ค.ทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ทันที
   ง.ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างถูกวิธี ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าคลุมเครื่อง

ข้อที่ 9)
การรักษาความสะอาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ข้อใดไม่ถูกต้อง
   ก.ก่อนทำความสะอาดต้องถอดปลั๊กไฟทุกเส้น
   ข.นำผ้าสะอาดชุบน้ำบิดให้แห้งเช็ดอย่างระมัดระวัง
   ค.ไม่ใช้ใบมีดเล็ก ๆ ขูดทำความสะอาดบริเวณที่ฝุ่นเกาะมากที่สุด
   ง.วางอาหาร ขนม เครื่องดื่มใกล้แป้นพิมพ์

ข้อที่ 10)
การรักษาความสะอาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ถูกต้อง คือข้อใด
   ก.ไม่วางอาหาร ขนม เครื่องดื่มมาวางใกล้แป้นพิมพ์
   ข.นำผ้าสะอาดชุบน้ำมาเช็ค
   ค.สามารถทำความสะอาดได้ทันที โดยไม่ต้องถอดปลั๊ก
   ง.ใช้ใบมีดเล็ก ๆ ขูดทำความสะอาดบริเวณที่ฝุ่นเกาะมากที่สุด

ข้อที่ 11)
เครือข่ายคอมพิวเตอร์หมายถึงข้อใด
   ก.การนำอุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารมาต่อกันมากกว่า 2 เครื่องขึ้นไป
   ข.การรับ-ส่งข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วของเครื่องคอมพิวเตอร์
   ค.การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป เชื่อมต่อผ่านสื่อในการสื่อสารข้อมูล
   ง.การติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ใช้งานในระบบเครือข่าย

ข้อที่ 12)
ข้อใดคือประโยชน์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
   ก.ช่วยในการประมวลผลข้อมูลที่แม่นยำ
   ข.ลดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่สิ้นเปลือง
   ค.ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล
   ง.ถูกทุกข้อ

ข้อที่ 13)
อุปกรณ์ข้อใดที่ไม่สามารถใช้ร่วมกันในเครือข่ายได้
   ก.เครื่องพิมพ์
   ข.สแกนเนอร์
   ค.แป้นพิมพ์
   ง.ฮาร์ดดิสก์

ข้อที่ 14)
ถ้านักศึกษาต้องการติดตั้งเครือข่ายเพื่อใช้ร่วมกันภายในอาคารเดียวกันควรเลือกใช้เครือข่ายแบบใด
   ก.WAN
   ข.VAN
   ค.MAN
   ง.LAN

ข้อที่ 15)
เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทใดที่ทำหน้าที่ขอบริการต่าง ๆ ไปยังเครื่องแม่ข่าย
   ก.เครื่องไคลเอนต์
   ข.เครื่องเซิร์ฟเวอร์
   ค.เครื่องฮับ
   ง.เครื่องแม่ข่าย

ข้อที่ 16)
เทคโนโลยีสารสนเทศใดก่อให้เกิดผลด้านการเสริมสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม
   ก.การสร้างสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
   ข.การพยากรณ์อากาศ
   ค.ควบคุมเครื่องปรับอากาศ
   ง.ระบบการเรียนการสอนทางไกล

ข้อที่ 17)
ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ที่ช่วยงานด้านสารสนเทศ
   ก.เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ข.โทรทัศน์ วิทยุ
   ข.โทรทัศน์ วิทยุ
   ค.เครื่องถ่ายเอกสาร
   ง.เครื่องโทรสาร

ข้อที่ 18)
ข้อใดคือการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
   ก.การติดต่อข้อมูลทางเครือข่าย
   ข.ระบบการโอนถ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
   ค.บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต
   ง.ถูกทุกข้อ

ข้อที่ 19)
เทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึงข้อใด
   ก.ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี
   ข.การประยุกต์เอาความรู้มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์
   ค.การนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดเก็บข้อมูล
   ง.การนำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มาสร้างข้อมูลเพิ่มให้กับสารสนเทศ

ข้อที่ 20)
เครื่องมือที่สำคัญในการในการจัดการสารสนเทศในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร
   ก.คอมพิวเตอร์
   ข.เทคโนโลยีการสื่อสาร
   ค.สารสนเทศ
   ง.ถูกทุกข้อ

ข้อที่ 21)
ความหมายของอินเทอร์เน็ตที่ถูกต้องที่สุดคืออะไร
   ก.ระบบ WAN
   ข.ระบบ LAN
   ค.Token Ring
   ง.เครือข่ายคอมพิวเตอร์

ข้อที่ 22)
อินเทอร์เน็ตเริ่มต้นมาจากกลุ่มอาชีพใด
   ก.ทหาร
   ข.การศึกษา
   ค.นักวิทยาศาสตร์
   ง.นักธุรกิจ

ข้อที่ 23)
อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศใด
   ก.ญี่ปุ่น
   ข.สหรัฐอเมริกา
   ค.เยอรมัน
   ง.อังกฤษ

ข้อที่ 24)
ข้อใดคือลักษณะการค้นหาแบบหมวดหมู่
   ก.มีการเก็บข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน
   ข.มีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการแยกเป็นหมวดหมู่
   ค.มีการค้นหาโดยใช้คำค้น (Key Word)
   ง.มีการค้นหาโดยระบุคำที่ต้องการค้นหา

ข้อที่ 25)
ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ในการค้นหาข้อมูล
   ก.มีข้อมูลให้เลือกมากมายหลากหลาย
   ข.มีความทันสมัย น่าเชื่อถือ
   ค.ช่วยประหยัดในการค้นหาง.
   ง.สามารถใช้โปรแกรมนั้นได้โดยไม่ต้องเสียเงิน

ข้อที่ 26)
ข้อใดคือเว็บไซต์ที่เป็นการค้นหาข้อมูลโดยหมวดหมู่
   ก.www.thaiall.com
   ข.www.siamguru.com
   ค.www.thaiseek.com
   ง.www.madoo.com/search/

ข้อที่ 27)
Search Engine คืออะไร
   ก.การค้นหาข้อมูลโดยอัตโนมัติเกี่ยวกับเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยละเอียดเหมาะกับการค้นหาข้อมูลแบบเจาะจง
   ข.การค้นหาข้อมูลโดยให้ระบุสิ่งที่ต้องการว่าเป็นภาพโปรแกรม
   ค.การค้นหาข้อมูลโดยแบ่งหมวดหมู่ให้เลือก โดยให้เลือกค้นหาในหมวดหมู่ที่น่าสนใจ
   ง.ถูกทุกข้อ

ข้อที่ 28)
ข้อความหรือคำที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลเรียกว่าอะไร
   ก.Key Search
   ข.Key Word
   ค.Searching Word
   ง.Word

ข้อที่ 29)
เว็บไซต์ใดเป็นเว็บไซต์ในการค้นหาข้อมูลแบบ Search Engine
   ก.www.lycos.com
   ข.www.yahoo.com
   ค.www.snap.com
   ง.www.looksmart.com

ข้อที่ 30)
ข้อใด ไม่ใช่ เว็บไซต์ในการค้นหาข้อมูลของไทย
   ก.www.siaminside.com
   ข.www.108-1009.com
   ค.www.asialycos.co.th
   ง.www.excite.com

ข้อที่ 31)
คำสั่งใดใช้สำหรับปิดงานเอกสาร
   ก. File > Close Window
   ข.File > Close
   ค. File > Exit
   ง.ถูกทั้ง ก. และ ข.

ข้อที่ 32)
. ปุ่มเครื่องมือใดสำหรับเปิดเอกสารเดิมมาใช้งาน
   ก.
   -
   -
   -

ข้อที่ 33)
ปุ่มเครื่องมือใดใช้สำหรับบันทึกทับไฟล์เดิมที่เปิดใช้งานอยู่
   -
   -
   -
   -

ข้อที่ 34)
ปุ่มบนแป้นพิมพ์ใดใช้สำหรับสลับระหว่างการพิมพ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
   ก.Home
   ข.Shift
   ค.
   ง.Insert

ข้อที่ 35)
เมื่อกดปุ่มใดบนแป้นพิมพ์หมายถึงเป็นการลบตัวอักษร
   ก.Enter
   ข.Spacebar
   ค.Insert
   ง.Delete

ข้อที่ 36)
คำสั่งใดเป็นคีย์ลัดสำหรับการคัดลอกข้อความ
   ก.Ctrl + X
   ข.Ctrl + C
   ค.Ctrl + R
   ง.Ctrl + V

ข้อที่ 37)
คำสั่งใดเป็นคีย์ลัดสำหรับการวางข้อความ
   ก.Ctrl + X
   ข.Ctrl + C
   ค.Ctrl + R
   ง.Ctrl + V

ข้อที่ 38)
ใช้เปลี่ยนแบบข้อใด
   ก.เปลี่ยนลักษณะตัวอักษร
   ข.เปลี่ยนแบบตัวอักษร
   ค.เปลี่ยนขนาดตัวอักษร
   ง.ถูกทุกข้อ

ข้อที่ 39)
เป็นปุ่มเครื่องมือใช้สำหรับข้อใด
   ก.สัญลักษณ์หน้าข้อความ
   ข.สัญลักษณ์พิเศษ
   ค.เครื่องหมายเน้นข้อความ
   ง.ถูกทุกข้อ

ข้อที่ 40)
เป็นปุ่มเครื่องมือใช้สำหรับข้อใด
   ก.สร้างตาราง
   ข.เพิ่มหรือลบเส้นขอบ
   ค.แก้ไขเส้นขอบ
   ง.ถูกทุกข้อ




รวบรวมความรู้ต่างๆ เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี กำนันก็มาดู

อาจารย์สมภพ จุลถาวรทรัพย์

อาจารย์สมภพ  จุลถาวรทรัพย์
7 ถ.หนองขาม2 อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา 30120 โทร 0872407227
Powered By Blogger

Translate(เปลี่ยนภาษา ครับท่าน)

ผู้ติดตาม